วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

การเลือกซื้อเครื่องฉีดน้ำหลากหลายแรงดัน


เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สิ่งที่เราต้องทบทวนอย่างแรกคือ การนำไปใช้งาน ก็เพราะว่าเครื่องฉีดน้ำมีด้วย กันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแรงดัน ตั้งแต่ 70 Bar 90 Bar 100 Bar 110 Bar 120 Bar จนถึง 200 Bar กันเลยทีเดียว นอกจากจะมีหลาก หลายแรงดันแล้ว ยังต้องดูเรื่องปริมาณการให้น้ำว่ากี่ลิตร/ชั่วโมง และประเภทของมอเตอร์ งบประมาณที่เราตั้งเอาไว้ในการที่จะเป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักตัว  นอกจากนี้แล้วที่สำคัญที่สุดคือ การรับประกันสินค้า (อันนี้สำคัญมาก)
อย่างที่บอกในข้างต้น ควรเลือก (Pressure) แรงดันเท่าไรดี ?
จากความชำนาญของการขายเครื่องฉีดน้ำมาพอสมควร ผม มักจะสรุปได้ดังนี้ คือลูกค้ามักซื้อเครื่องล้างรถไปใช้งานไม่ตรงกับ ประเภทการใช้งานจริงๆ เนื่องจากว่า ซื้อเอาเพราะราคาไม่แพง ก็พอ คิดว่าไม่แตกต่างกัน สำหรับเครื่องมือช่างอื่นๆ ผมว่าพอทำได้  แต่เครื่องฉีดน้ำเป็นข้อยกเว้น มันเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับแรงดัน ทำให้เกิดความเสียหายได้ง่ายถ้าหาก  การผลิต และการ QC มาไม่ดีพอ (ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า คนเขียนไม่มีนโยบายให้ลูกค้าต้องใช้ของแพง)

ผู้ใช้งานเครื่องล้างรถ ให้พิจารณาดังนี้ ว่าเราต้องการเอาไปชะล้างอะไร เช่นถ้าหากเอาไป ล้างมอไซต์ ล้างพื้นบ้าน(พื้นที่ไม่ใหญ่มาก) ให้พิจารณาเครื่องล้างอัดฉีดประมาณ  100-120 Bar ก็พอแล้ว เอาที่มีอัตราการใช้น้ำมากหน่อยลองเปรียบเทียบดู แล้วไปดูว่าประเภทมอเตอร์เป็นระบบใด สำหรับเครื่องล้างอัดฉีดที่ให้แรงดันขนาดนี้จะมีมอเตอร์ให้เลือก 2 แบบด้วยกัน คือ universal Motor (มีแปรงถ่าน) และอีกชนิดคือ ชนิด  Induction Motor
     สำหรับเครื่องล้างอัดฉีดที่ใช้มอเตอร์ชนิด universal Motor นั้นมีจุดเด่นคือความถูก ข้อเสียคือ จะมีความร้อนสะสมรวดเร็วทำให้ใช้งานต่อเนื่องยาวนานไม่ได้ ใช้ประมาณ 20-25 นาที ต้องพักประมาณ 10-15 นาที และมีเสียงดังมาก ถ้าหากคุณใช้งานตามบ้าน ไม่ได้ใช้งานหนักก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ราคาอยู่ประมาณ 2,xxx - 7,xxx บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และ คุณลักษณะครับ
     สำหรับเครื่องล้างอัดฉีดที่ใช้มอเตอร์ชนิด Induction Motor เป็นมอเตอร์ความเร็วรอบต่ำ  ทำให้ความร้อนสะสมน้อย ทำให้ฉีดต่อเนื่องได้ยาวนาน เสียงเงียบ สำหรับผู้ใช้ตามบ้านที่เป็นห่วงเรื่องเสียงของเครื่องล้างรถ แนะนำให้ใช้เครื่องฉีดน้ำที่ใช้มอเตอร์ประเภทนี้ แต่จะต้องแลกมาด้วยค่าตัวของมัน ซึ่งแพงขึ้น มาหน่อย อยู่ราวๆ 6,xxx - 2x,xxxx บาท ขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อ แหล่งผลิต วัสดุที่ใช้ในการผลิต และเทคโนโลยี ซึ่งเครื่องล้างรถในกลุ่มนี้ มีเทคโนโลยีต่างกันมากมาย สำหรับเครื่องล้างอัดฉีดในกลุ่มนี้
 เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็หน้าจะเลือกเครื่องล้างรถได้ตรงกับความปรารถนาแล้วนะครับ

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปั๊มน้ำประเภทต่างๆ และวิธีเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับชนิดงาน


"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการค้าขายกันมานาน และมีความเจริญด้านเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของผู้ซื้อ

ปั๊มน้ำ ส่วนมากมีอยู่ 5 ตระกูล ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ควรสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการเปิดก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ความจุของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์

เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับตระกูลใหญ่

ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าอยากได้ให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่ต้องการดึงน้ำมากๆ ใช้

วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้ตาม

ปกติ

ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เพราะปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ

ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ

ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะเหมือนๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย

ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่สูบมาใช้ข้างในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม

การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น สำหรับเครื่องมือช่างถ้าใช้ในบ้านเราต้องดูจากจำนวนผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอ หรือถ้าไม่มีเครื่องทำ

น้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ ก็เพราะว่าจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดพร้อมกัน

แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดพร้อมกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอแนะนำให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่

ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ด้วย

อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหล

ออกมาเร็วเกินเลย และกินไฟมากขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานต่อเนื่องไม่ตัด ฉะนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อย

ไม่ทำงานสม่ำเสมอ แบบนี้จะดีในการเลือกใช้

การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกแบบช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ สำหรับเครื่องมือช่างช่างประปา ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านนี้จะช่วย

ประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เนื่องจากเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา

ต่อนี้ไปก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...